คุณรู้ไหมว่าการออกกำลังกายในตอนเช้าและเดินนานๆ อาจมีผลต่อคะแนนการสอบ ทำไมกีฬาจึงเหมาะสำหรับนักเรียน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น พฤติกรรมของเราส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยความจำและสมอง คนที่มีไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟจะมีพัฒนาการทางสติปัญญาสูงกว่าเดิม ระหว่างการออกกำลังกายสมองจะได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากกระแสเลือด มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาสมองให้เฉียบแหลม แต่นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีเพียงอย่างเดียว กีฬาและผลการเรียนมีเชื่อมโยงที่ซับซ้อนมาก มาดูกันว่าการออกกำลังกายที่มีผลต่อความสามารถในการศึกษาอย่างไร
กีฬามีผลต่อนักเรียนอย่างไร ?
การออกกำลังกายเบาๆ ช่วยกระตุ้นอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงเซลล์ประสาทของสมอง ช่วยเพิ่มการพัฒนาเส้นเลือดฝอยในสมอง มีเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ทำให้คิดเร็วและฉลาดขึ้น ในตอนแรกสันนิษฐานว่าจะมีผลกระทบเฉพาะพื้นที่สมองเท่านั้นซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในควบคุมกลไกต่างๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปในระหว่างการวิจัยพบว่าการพัฒนาขยายไปถึงความสามารถอื่นๆ รวมทั้งการเรียนรู้ การคิดและความจำ
ในระหว่างการออกกำลังกาย สมองจะพัฒนากระบวนการทางสติปัญญาและความสำเร็จทางวิชาการ กีฬาอาชีพและสมองมีความสัมพันธ์กัน หลายคนสงสัยว่านักกีฬาจะได้รับคะแนนที่ดีกว่าหรือไม่ ถ้าเป็นไปตามตรรกะนี้นักฟุตบอลอาชีพ นักมวย นักบาสเกตบอลควรเป็นคนฉลาด เป็นความจริงแน่นอน โอกาสของการพัฒนาทางสมองย่อมดีกว่าคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตลอดเวลา หลังจากอ่านชีวประวัติของนักกีฬาสมัยใหม่แล้ว จะเห็นว่าคนเหล่านี้เป็นคนเก่งที่มีพรสวรรค์โดดเด่นหลายด้าน หลายคนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นอกวงการกีฬา โดยไม่มีใครรู้เรื่องนี้
มีเหตุผลว่าทำไมนักกีฬามืออาชีพทุกคน จึงไม่ประสบความสำเร็จด้านสติปัญญา ประการแรกทุกคนมีศักยภาพในการพัฒนา แต่นักกีฬาไม่ได้ใช้ศักยภาพด้านนั้นเลย อีกอย่างนักกีฬาไม่เห็นความจำเป็นต้องเรียนอย่างมุ่งมั่นมากนัก ถ้านักกีฬาเคยชินกับการดูทีวีหรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์หลังจากการฝึกซ้อมที่เหน็ดเหนื่อย นอกจากนี้ต้องยังแบ่งปันเวลาอ่านและเรียนอยู่เสมอ หลายคนคิดว่าไม่ต้องจริงจังกับการเรียนมากนักก็ได้ ประการที่สองนักกีฬาอาชีพต้องฝึกฝนหนัก ในบางกรณีมีความเครียดมาก ส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบประสาท ดังนั้นไม่ใช่ว่าการออกกำลังกายทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อสมอง
การออกกำลังกายประเภทใดที่มีประโยชน์มากที่สุด
การเล่นพลศึกษาหรือแม้แต่ยิมนาสติกเป็นประจำเพิ่มการไหลเวียนโลหิตในสมองและร่างกาย การเดินสูดอากาศบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ดี ออกซิเจนช่วยเสริมสร้างเซลล์สมอง ถ้าทำงานในงานที่คับแคบอึดอัดเป็นเวลานาน ลองออกไปเดินช้าๆ จะมีสมาธิมากขึ้น ได้ความคิดใหม่ๆ แน่นอน โยคะเป็นกิจกรรมเพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกายและฝึกเทคนิคการหายใจช่วยให้ร่างกายและสมองทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ การเต้นรำพัฒนาทักษะการทรงตัว การเคลื่อนไหว ควบคุมกล้ามเนื้อทุกส่วน มีสมาธิดีขึ้น การออกกำลังจะปล่อยฮอร์โมนความเครียดเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง อารมณ์ความรู้สึกสงบเป็นสิ่งสำคัญต่อการศึกษาและการทำงาน แต่ละคนควรเลือกออกกำลังกายตามความเหมาะสม หากมีสุขภาพและเวลาที่เพียงพอ แต่ไม่ควรทำกิจกรรมที่รุนแรงบ่อยๆ