ประวัติ สโมสรฟุตบอล แฮร์ธ่า เบอร์ลิน (Hertha Berliner Sport-Club e.V.)

เจ้าของฉายา หญิงชรา ก็คือสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อว่า แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ทีมฟุตบอลในประเทศเยอรมันที่ถูกก่อตั้งมานานเกิน 100 ปี โดยเริ่มการก่อตั้งขึ้นในปี 1892 เป็นหนึ่งในสมาชิกที่เริ่มก่อตั้งสมาคมฟุตบอลเยอรมนีขึ่นมาที่เมืองไลป์ซิกในปี 1900 เดิมที่เป็นสโมสรขนาดใหญ่แต่ฝีไม้ลายมือยังไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ทำให้พึ่งจะเลื่อนชั้นมาเล่นในรายการ บุนเดสลีก้า เยอรมัน ได้อย่างมั่นคงในช่วงฤดูกาล 2013 ซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยีเริ่มก้าวหน้าขึ้นมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลทั่วทุกมุมโลกผ่านโลกที่เราเรียกว่า อินเตอร์เน็ต ทำให้คนทั่วโลกเริ่มได้ชมฟุตบอลลีกของ เยอรมัน มากขึ้นและได้ยินได้คุ้นหูกับสโมสรแห่งนี้และต่อไปนี้คือที่มาที่ไปของสโมสร แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ว่าที่ผ่านมาพวกเขาเดินทางมาถึงจุดสูงสุดคือการได้ลงเล่นฟุตบอล บุนเดสลีก้า เยอรมัน ได้อย่างไร จุดเริ่มต้นของทีมฟุตบอลย้อนกลับไปในปี 1982 การก่อตั้งสโมสรภายใต้การใช่ชื่อสโมสรว่า BFC Hertha 92 ซึ่งมีความหมายที่มากจากเรือจักรไอน้ำสีขาวคาดฟ้าโดยตำราบอกว่าเป็นเรือที่ 1 ใน 4 ของสมาชิกผู้ก่อตั้งเคยโดยสารท่องเที่ยวไปกับพ่อ

อีกนัยยะหนึ่งคำว่า Hertha คือชื่อหนึ่งของ Nerthus ที่ว่ากันว่าเป็นเทพแห่งการเพาะปลูกตามความเชื่อความศรัทธาของชาวเยอรมันในยุคนั้น พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่แถวๆย่านชาร์ลอตเทนเบิร์ก ในเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี การครองแชมป์แรกของพวกเขาคือรายการ เบอร์ลิน แชมเปี้ยนส์ชิพ ซึ่งพวกเขาทำสำเร็จในปี 1905 หลังจากที่ก่อตั้งสโมสรมาแล้ว 16 ปี ถัดมาอีก 5 ปีการเอาชนะทีมฟุตบอลจากประเทศอังกฤษ อย่าง เซาธ์เอน ยูไนเต็ด ทำให้เป็นที่ฮือฮาของคนในยุคนั้นแม้ว่าจะเป็นแค่การอุ่นเครื่องแต่เรื่องของศักดิ์ศรีการเป็นที่หนึ่งของวงการฟุตบอล การที่มีทีมฟุตบอลจากประเทศ อังกฤษ มาพลาดท่าแพ้ให้กับพวกเขาย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่แฟนบอลจะรู้สึกเฮฮากันยกใหญ่ แต่แล้วการเดินทางของสโมสรไม่ได้ราบลื่นในช่วงหลายปีต่อมาเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับการเงินจนทำให้ทีมต้องตัดสินใจย้ายไปขอรวมตัวกับสโมสร Breliner Sport-Club ทีมฟุตบอลที่มีมาตราฐานและมีความมั่นคงมากกว่าจนเป็นที่มาของการสถาปณาชื่อใหม่ว่า Hertha Berliner Sport-Club ผ่านมา 10 ปีกับการรวมทีมกันมาถือทำให้สไตล์การเล่นของพวกเขาเริ่มมีแนวโน้มไปในทางที่ดีทุกๆฤดูกาลจะจบที่หัวตารางของรายการ โอเบอร์ลีกา เบอร์ลิน-บรันเดนบูร์ก ลีกสูงสุดของระดับภูมิภาคอีกทั้งยังเข้าชิงรายการ เยอรมัน แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดของระดับประเทศติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 1926

ประสบความสำเร็จครั้งแรกกับเกมลีกระดับอาชีพ

จนในที่สุดพวกเขาก็ประสบความสำเร็จครั้งแรกกับเกมลีกระดับอาชีพ คือการเป็นแชมป์รายการ เยอรมัน แชมเปี้ยนชิพ ในปี 1930 หลังจากนั้นพวกเขาก็สามารถฝ่าเข้าไปชิงแชมป์ในนัดสุดท้ายได้อีกครั้งในฤดูกาล 1931 พร้อมกับความสำเร็จหนที่สองพวกเขาครองแชมป์เยอรมัน แชมป์เปี้ยนชิพ 2 สมัยซ้อน พอเข้าสู่ช่วง 1933 ในประเทศเยอรมัน ณ ตอนนั้นถูกปกครองอำนาจด้วยกลุ่มกองทัพของ นาซี จนได้มีการรื้อระบบการแข่งขันโครงสร้างฟุตบอลในประเทศใหม่ ขณะที่ทาง แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ถูกจัดส่งให้ลงไปเล่นในศึกฟุตบอล เกาลีก้า เบอร์ลิน บรันเดนบูร์ก โดยที่ หญิงชรา สามารถคว้าแชมป์ เกาลีก้า ไปได้ทั้งสิ้น 3 สมัยโดยมีฤดูกาล 1935-1937 แต่ความสำเร็จในการผ่านเลื่อนชั้นขึ้นไปในระดับที่สูงสุดของพวกเขาก็ยังคงไม่สมหวังเหมือนเคย ต่อมาปี 1945 หลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ นาซี เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปทำให้กฎระเบียบและข้อบังคัพที่เข้ามาควบคุมองค์กรใหญ่ในประเทศจากฝ่ายสัมพันธมิตรทำให้เกิดการรวมทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้งและตั้งชื่อใหม่ว่า SG Gesundbrunnen และได้เล่นอยู่ใน โอเบอร์ลีกา เบอร์ลิน จนผ่านมาได้ 4 ปี

หลังจากที่ระบบปกครองของประเทศเริ่มดีขึ้นความขัดแย้งเริ่มเบาบางลงพวกเขาก็สามารถถอนตัวออกมาพร้อมหันกลับมาใช้ชื่อทีมเดิมก่อนที่จะได้รับโอกาสให้ขยับกลับขึ้นไปเตะอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศ ด้วยความระหองระแหงระหว่าง เยอรมันฝั่งตะวันตกที่มี อเมริกา และ ฝรั่งเศส คอยดูแลจัดการอยู่นั้น ทางฝั่งของ เยอรมันตะวันออกก็มี สหภาพโซเวียต หรือ รัสเซีย หนุนหลังอยู่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังเริ่มเข้าสู่ยุคสงครามเย็นซึ่งทำให้ส่งผลกระทบกับวงการฟุตบอลในเมืองหลวง โดย เบอร์ลิน เองก็โดนสั่งงดไม่ให้เตะกับทีมคู่แข่งที่อยู่ฝั่งของเยอรมันตะวันตกในปี 1949-50 เพราะพวกเขาดันไปอ้าแขนรับไม่ว่าจะสต๊าฟโค้ชหรือนักเตะที่อพยพมาจากสโมสร เดรสด์เนอร์ เอ็สเซ ที่อยู่ในกรุงเดรสเดรน เมืองหลวงของฝั่งเยอรมันตะวันออก ต่อมาในปี 1958 หลังจากที่มวลของสงครามเย็นเริ่มเบาบางลงพวกเขาก็มีโปรเจคที่จะรวมทีมกับสโมสรในเมืองหลวง เทนนิส โบรุสเซีย และ เบอร์ลิน เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ผลโหวตที่ออกมาไม่เป็นผลมีคนเห็นด้วยแค่ 3 คนจากทั้งหมด 266 เสียง 3 ปีต่อมา กำแพงเบอร์ลินก็ถูกสร้างเสร็จ ส่งผลกระทบอย่างมากสำหรับแฟนบอลที่อยู่ทางฝั่งเยอรมันตะวันออกที่มี โซเวียต ปกครองอยู่ มีบทสัมพาษย์จากชายคนหนึ่งที่เป็นแฟนบอลของ แฮร์ธ่า เขาพูดว่าพวกเขาทำได้แค่เอาหูแนบกำแพงเพื่อฝั่งเสียงเฮที่มาจากสนาม Stadion am Gesundbrunnen (สนามเหย้าเดิมที่เคยใช้ในอดีต)ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกำแพงเบอร์ลินมากนักทุกครั้งที่พวกเขาได้ยินเสียงเฮก็มักจะส่งเสียงเฮตามไปด้วยจนบางครั้งบางคราพวกเขาที่มาเฝ้าฟังเสียงทีมรักที่ข้างกำแพงเมื่อตะโกนออกไปก็จะถูกจับกุมโดยกุม สตาซี ที่เป็นตำรวจลับของฝั่งตะวันออก หนักสุดคือพวกเขาถูกยึดพาสปอร์ตและสูญเสียงานที่พวกเขาทำอยู่

ไม่นานในปี 1963 สมาคมฟุตบอลเยอรมันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการแข่งขันเกมลีกขึ้นมาใหม่เป็น บุนเดสลีก้า เยอรมัน และได้เลือกเอาแชมป์และทีมหัวตารางจาก โอเบอร์ลีกา และ เบอร์ลิน มา 16 ทีมเพื่อลงแข่งขันเกมลีก หญิงชรา ได้รับคัดเลือกให้เลื่อนชั้นขึ้นมาเตะฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศในยุคที่เยอรมันเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ในฤดูกาลแรกที่พวกเขาอยู่บนสังเวียน บุนเดสลีกา เกือบจะเอาตัวไม่รอดเกือบตกชั้นแต่ก็รอดไปได้อย่างหวุดหวิด ในปี 1965 สโมสรถูกตรวจสอบว่ามีการติดสินบนกับนักเตะเพื่อให้พวกเขาย้ายทีมเข้ามาทำให้ถูกปรับตัดสิทธิ์ให้ต้องตกชั้นลงไปเพียงแค่ทีมเดียวในฤดูกาลนั้นอีกทั้งพวกเขายังถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลเยอรมันไปในทางที่ไม่ค่อยดีเพราะหลังจากที่โดนตรวจสอบไป พวกเขาต้องตกชั้นลงไปทั้งๆที่ลงแข่งไป 34 นัด แต่กับมีแค่ 8 คะแนนเป็นทีมเดียวใน บุนเดสลีก้า ที่เคยมีมาอีก 3 ปีต่อมาพวกเขาสามารถฝ่าฝันอุปสรรคจนได้กลับมาสู่เวที บุนเดสลีก้า เยอรมัน อีกครั้ง สุดท้ายในปี 1971 พวกเขาถูกตรวจสอบว่ามีการทุจริตอีกครั้งและในระหว่างที่มีการสืบค้นข้อมูล ปรากฎว่าสโมสรเป็นหนี้ก้อนโตถึง 6 ล้านมาร์ค จนทำให้สโมสรต้องยอมขายสนามเพื่อหาเงินมาชดใช้ ในฤดูกาล 1975 พวกเขาสามารถทำแต้มในตารางคะแนนจนได้เป็นรองแชมป์ลีก ได้รับสิทธิ์ให้ไปเล่นในเกม ยูฟ่า คัพ ต่อมาในปี 1977 ทีมสามารถผ่านเข้ารองชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอล เดเอฟเบ โพคาล แต่ก็พลาดท่าแพ้ให้กับ เอฟซี โคโลญจน์ ไปในการดวลจุดโทษเช่นเดียวกับอีก 2 ปีที่ได้เข้าไปชิง เดเอฟเบ โพคาล อีกครั้งในรอบ 3 ปีแต่ก็แพ้ให้กับ ฟอร์ทูน่า ซิดตาร์ด ไป 1-0 ก่อนจะจบช่วงต่อเวลาพิเศษ ในปีเดียวกัน หญิงชรา ผ่านทะลุไปในรอบตัดเชือกของรายการ ยูฟ่า คัพ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะพ่ายแพ้ให้กับทาง เร้ด สตาร์ เบลเกรด ไปส่งผลให้ เบลเกรด เข้าชิงชัยกับ มึนเช่นกลัดบัค ไปในปีนั้น

ต้องกลับเล่นดิวิชั่น 2 อีกครั้ง

แต่แล้วในฤดูการ 1980 ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ดีกับการลงเล่นฟุตบอลถ้วยแต่แตกต่างจากผลงานในลีกที่ร่อแร่จะรอดแหล่ไม่รอดแล่ จนกระทั้งพอสิ้นฤดูกาล 1979-80 หญิงชรา ต้องล่วงตกชั้นลงไปในที่สุด ในช่วงฤดูกาล 1981-82 ระหว่างที่ทำศึกในดิวิชั่น 2 ของเยอรมัน พวกเขาทำผลงานได้ดีจนจบอันดับที่ 2 ของตาราง พาทีมเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้สำเร็จแต่ด้วยขุมกำลังของสโมสรในลีกสูงสุดที่ค่อยข้างจะแข็งแกร่งทำให้พวกเขาต้องล่วงตกชั้นลงมาอีกรอบ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดหนักตั้งแต่ที่พวกเขาตกชั้นลงมาหนนี้ก็ไม่มีวี่แววที่จะได้เลื่อนชั้นกลับขึ้นไปจนในปี 1986 พวกเขาคิดจะย้อนกลับไปทำตามโปรเจคเดิมคือการรวมทีมแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จสุดท้ายปัญหายิ่งหนักขึ้นและพวกเขาก็ต้องตกชั้นลงไปเล่นในดิวิชั่น 3 ในปีต่อมา พอเล่นในลีกา 3 เยอรมัน ได้ 2 ฤดูกาล แฮร์ธ่า ได้เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาสู ลีก้า 2 ได้จนกระทั้งในปี 1990 หญิงชรา คว้าถ้วยแชมป์บุนเดสลีก้า 2 เยอรมัน ได้สำเร็จส่งผลให้ตีตั๋วทะยานขึ้นสู่ดิวิชั่นสูงสุดได้อีกครั้ง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ความหวังในการรั้งให้อยู่บนลีกสูงสุดได้ต่อไปก็ไม่เป็นผลสำเร็จพวกเขาจบฤดูกาลด้วยการเป็นทีมบ๊วยของลีกทำให้ตกชั้นลงมาเหมือนเช่นเคย 4 ปีถัดมาปรากฎว่าพวกเขาต้องเจอกับปัญหาทางด้านการเงินอีกครั้งหลังจากที่ตรวจสอบแล้วผลปรากฎว่าสโมสรมีหนีมากถึง 10 ล้านมาร์คทำให้ทีมบริหารต้องแก้ไขโดยการขายสิทธิ์การครองพื้นที่และเปิดรับสปอร์นเซอร์หน้าใหม่เข้ามาลงทุนและอีก 3 ปีต่อมาพวกเขาก็สามารถกลับขึ้นมาเล่นบนเวลาที่บุนเดสลีก้าได้อีกหนอีกทั้งยังทำลายสถิติ6 ปีที่ไม่มีทีมจากเมืองหลวงขยับขึ้นมาเล่น บุนเดสลีก้า ไว้ได้ ดูเหมือนว่าการกลับมาของพวกเขาในครั้งนี้จะโชว์ผลงานได้ดีกว่าเดิมเยอะมากๆนอกจากจะรักษาไม่ให้ทีมตกชั้นลงไปได้ภายในปี 1999 พวกเขาจบอันดับ 3 ของลีกรับโควต้าไปลุยศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสรและพวกเขาก็ยังคงวงเวียนอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศมาตลอดแต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลยได้แต่ประครองอยู่มาเรื่อยๆ

แฮร์ธ่า เบอร์ลิน

จนฤดูกาล 2005 ผลงานของทีมไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่จนทำให้ทีมเกือบจะต้องตกชั้นลงไปแต่ครั้งนี้ก็ยังเป็นอีกครั้งที่พวกเขารอดตกชั้นมาได้อย่างหวุดหวิด แฮร์ธ่า ยังคงเกาะติดอยู่กับลีกสูงสุดมาได้อย่างยาวนานจนเมื่อสิ้นฤดูกาล 2009-2010 พวกเขาก็ต้องทำแฟนบอลผิดหวังเพราะจบด้วยการรั้งอันดับสุดท้ายจนต้องตกชั้นลงไปในที่สุด แต่หลังจากที่ตกชั้นลงไปได้แค่เพียงปีเดียว หญิงชรา ก็คืนชีพกลับมาได้อีกครั้งแต่ก็สลับด้วยการตกชั้นลงไปอีกครั้งในฤดูกาล 2011-12 และกลับเลื่อนชั้นมาได้อีกหลังสิ้นฤดูกาล 2012-13 อย่างที่กร่าวไปข้างต้นว่าพวกเขาทะยานมาถึงจุดสูงสุดระดับประเทศได้มั่นคงอีกครั้งคือในปี 2013 หลังจากนั้นมาจนถึงปีปัจจุบันพวกเขาก็ยังไม่ตกชั้นลงไปในดิวิชั่น 2 อีกเลย

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ทีมที่ประสบความสำเร็จมากมายเหมือนกับสโมสรในตำนานเหมือนกับสโมสรอื่นๆแต่สิ่งที่พวกเขาทำไว้ในอดีตทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายเป็นบทเรียนที่ทำให้สโมสรแห่งนี้ยังคงอยู่ทั้งๆที่ต้องต่อสู้กับมรสุมหลายอย่าง และข้อคิดที่ได้จากการสืบค้นเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสโมสรแห่งนี้คือ การกระทำสิ่งที่ผิดต่อจรรยาบรรณของอาชีพนั้นสุดท้ายก็จะทำให้มีแต่สิ่งไม่ดีตามมาเช่นเดียวกับสโมสรแห่งนี้ที่เคยทุจริตจนถูกกฎระเบียบของสมาคมฟุตบอลลงโทษจนทำให้ทีมต้องตกชั้นลงไปและยังถูกบันทึกชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลเยอรมันอีกด้วย โดยที่พวกเขาเป็นทีมเดียวที่ต้องรับโทษหนักในครั้งนี้ อย่างไรก็ดีหวังว่าประวัติความเป็นมาของ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน จะมีประโยชน์กับตัวผู้ที่เข้ามาอ่านอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

รายชื่อนักเตะและโค้ชปัจจุบัน : https://tdedkick.com/team/8177/