สเปอร์ส ยังกลุ้ม ค่าตัว โรเมโร่ ยังสูง

สเปอร์ส ยังกลุ้ม ! ค่าตัว โรเมโร่ ยังสูง อาจเปลี่ยนแผนซื้อกองหลังรายอื่น

สเปอร์ส ยังกลุ้ม ค่าตัว โรเมโร่ ยังสูง

ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ส ทีมแกร่งของพรีเมียร์ลีกได้มีข่าวว่า พวกเขายังคงพยายามเร่งเจรจากับ อตาลันต้า ยอดทีมของลีกอิตาลีอยู่เช่นกัน เพื่อหวังสำหรับการคว้าตัวของ คริสเตียน โรเมโร่ ปราการหลังทีมชาติอาร์เจนติน่ามาเสริมแกร่ง

เซ็นเตอร์แบ็ครายนี้ จะกลายเป็นการเสริมทัพที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสเปอร์สในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการจากไปของ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ กองหลังทีมชาติเบลเยี่ยมที่ได้ย้ายไปยัง อัล-ดูฮาอิล ในลีกกาตาร์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ในรายงานสถิติ ผลบอลสด 888 นักเตะชาวเบลเยี่ยมรายนี้ ผ่านการรับใช้ทีมชาติเบลเยี่ยมในศึกยูโร 2020 ที่ซึ่งเบลเยี่ยมไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย และเขาเองก็รับใช้ สเปอร์ส มาอย่างยาวนาน แต่สุดท้ายก็ได้ย้ายออกจากสโมสรดังของกรุงลอนดอนไปแล้ว ซึ่งหมายความว่า มันจะมีช่องว่างขนาดใหญ่เป็นรูโหว่อยู่ตรงกลางแนวรับของพวกเขาเลยทีเดียว

เดอะ การ์เดี้ยน ได้รายงานข่าวว่า อตาลันต้า ต้องการเงินประมาณ 47 ล้านปอนด์สำหรับเป็นค่าตัวของ โรเมโร่ ที่ซึ่งทางสเปอร์สมองว่าเป็นค่าตัวที่แรงมาก

สเปอร์ส ไม่พร้อมที่จะจ่ายเงินค่าตัวสูงขนาดนั้นสำหรับนักเตะวัย 23 ปีรายนี้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาก็ยังสามารถหาทางเลือกอื่นได้ด้วย อย่างเช่น ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ, เคิร์ต ซูม่า หรือกระทั่งนิโกลา มิเลนโควิช

สำหรับผลงานของปราการหลังทีมชาติอาร์เจนติน่าอย่าง โรเมโร่ เขาพาทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา 2020 มาครองได้สำเร็จในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

รู้จักไตรกีฬา พร้อมเทคนิคฟิตให้พร้อมก่อนแข่ง

รู้จักไตรกีฬา พร้อมเทคนิคฟิตให้พร้อมก่อนแข่ง

รู้จักไตรกีฬา พร้อมเทคนิคฟิตให้พร้อมก่อนแข่ง

แม้ว่าไตรกีฬาอาจเป็นชนิดกีฬาที่ค่อนข้างโหดสำหรับใครหลายคน เพราะต้องอาศัยความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบความท้าทายด้วยการลงเล่นกีฬาชนิดนี้ และสำหรับใครที่อาจยังไม่รู้จักไตรกีฬาหรือสงสัยว่าเพราะเหตุใดไตรกีฬาจึงขึ้นชื่อว่าเป็นชนิดกีฬาสุดทรหด ในบทความนี้เราขอพาไปทำความรู้จักไตรกีฬากันให้มากขึ้น พร้อมเทคนิคฟิตร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการแข่งขัน

ทำความรู้จักไตรกีฬา

ไตรกีฬา หรือชื่อภาษาอังกฤษ Triathlon คือ การแข่งกีฬาประเภทหนึ่งที่ได้รวมเอากีฬา 3 ชนิดไว้ด้วยกัน นั่นคือ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ Sprint, Olympic (Standard), Half Distance และ Full Distance แต่ละระดับจะขึ้นกับระยะทาง โดยระยะทางสูงสุดอย่าง Full Distance คือ ว่ายน้ำ 3.8 กิโลเมตร ปั่นจักรยาน 180 กิโลเมตร และวิ่งทางไกล 42.2 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นระยะทางสุดโหด และเพราะไตรกีฬาคือกีฬาที่รวม 3 ชนิดเอาไว้ด้วยกัน ทำให้เป็นเรื่องยากเอาการหากต้องฟิตร่างกายให้พร้อมเล่นกีฬาทั้ง 3 ชนิดไปพร้อม ๆ กัน เพราะฉะนั้นต้องอาศัยตารางการฝึกซ้อมที่เพิ่มความแข็งแกร่งทุกส่วนของร่างกาย

เทคนิคเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มเล่นไตรกีฬา

  • เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วยการ Weight Training โดยควรทำให้ได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะจะช่วยให้กล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ได้ออกแรงและแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดอาการบาดเจ็บอีกด้วย
  • การฝึกว่ายน้ำที่ถูกต้องควรฝึกในสถานที่ปลอดภัย และนอกจากฝึกต่อเนื่องเพื่อให้ได้ระยะทางมากที่สุดแล้ว อย่าลืมฝึกท่าพิเศษหรือเพิ่มเติมเทคนิคต่าง ๆ ระหว่างว่ายน้ำด้วย
    -เนื่องจากไตรกีฬาเป็นกีฬาสุดทรหด นักกีฬาจึงควรฝึกฝนในระดับเข้มข้น (Intervals) เช่น การวิ่งในระดับความเข้มข้นสูง การว่ายน้ำทางไกล การปั่นจักรยานแบบต่อเนื่อง นอกจากนี้หากเป็นไปได้ควรฝึกซ้อมโดยการจำลองการแข่งขันใกล้เคียงจริงมากที่สุด

ไม่เพียงแต่การฝึกซ้อมซึ่งถือเป็นการฟิตร่างกายให้พร้อมเท่านั้น เพราะก่อนการแข่งขันนักกีฬาควรพักผ่อนอย่างเพียงพอและจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับชนิดกีฬา โดยเฉพาะชุดไตรกีฬาซึ่งมีส่วนอย่างมากในการช่วยลดอาการบาดเจ็บ รวมถึงตัวช่วยอื่น ๆ เช่น แว่นตาว่ายน้ำ รองเท้าวิ่ง เป็นต้น

จะเห็นว่าไตรกีฬาคือกีฬาที่ต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกายเป็นอย่างยิ่ง หากได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะได้เป็นเจ้าของร่างกายแข็งแรงทุกสัดส่วน และแม้ว่าจะมีเทคนิคฟิตร่างกายสำหรับการลงเล่นกีฬาประเภทนี้ แต่ถึงอย่างนั้นการฝึกซ้อมสามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นได้ เนื่องจากสภาพร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำคัญที่สุดคือควรหมั่นเช็กความพร้อมของร่างกาย แนะนำให้ค่อย ๆ ฝึกฝนร่างกายทีละเล็กน้อย เพื่อลดอาการบาดเจ็บและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

เล่น วอลเลย์บอล อย่างไรให้ถูกวิธี

วอลเลย์บอล กีฬาอันดับ 1 ที่คนไทยชื่นชอบและติดตาม

เล่น วอลเลย์บอล อย่างไรให้ถูกวิธี

วอลเลย์บอล เป็นหนึ่งกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดพอๆกับ กีฬาฟุตบอล จากภาพรวมของกีฬาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการติดตามรับชมการแข่งขัน วอลเลย์บอล หรือจะพากันเล่นเพื่อเป็นตัวเลือกในการออกกำลังกาย ซึ่งถ้าเราดูด้วยตาเปล่าก็อาจจะมองว่าง่าย แต่ความจริงแล้วต้องใช้ความแข็งแรงของสภาพร่างกาย บวกกับกล้ามเนื้อแขนและขาที่ต้องอึดพอสมควร จึงไม่ใช่เรื่องง่ายของใครหลายๆคน แต่ถ้าหากจะเล่นเพื่อความสนุกสนานก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะ วอลเลย์บอล มีรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างหลากหลาย พร้อมกับกฏกติกาที่เยอะ จึงไม่ต้องจำเป็นต้องเน้นอะไรมากมาย แต่ถ้าต้องการเล่นแบบจริงจัง ต้องมาทำความรู้จักกับเทคนิคหรือวิธีการเล่น ดังต่อไปนี้

เล่น วอลเลย์บอล อย่างไรให้ถูกวิธี

สิ่งแรกเลยคือการสร้างความคุ้นเคยกับลูกบอล เพราะต้องเป็นอุปกรณ์หลักของกีฬาชนิดนี้ ดังนั้นถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำความคุ้นเคย เพื่อที่จะรู้น้ำหนัก การเคลื่อนที่ของบอล และจังหวะในการเดาะ ซึ่งจะช่วยให้การเล่นมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้นด้วย หริือหมายถึงการควบคุมทิศทางบอลของผู้เล่นเองก็จะง่ายมากขึ้น ถ้ามองในมุมกลับกัน หากเราไม่รู้ว่าภาพรวมของบอลเป็นอย่างไร อาจจะทำให้ผู้เล่นเสียเปรียบ โดยคาดเดาทิศทางของลูกบอลไม่ถูก ในขณะที่เล่นมีโอกาสที่จะพลาดเสียแต้มสูงเหมือนกัน

รูปแบบที่สองคือท่าเตรียมของผู้เล่น โดยปกติแล้วจะใช้หลักการเดียวกันทั้งหมด คือการยืนแล้วแยกเท้าทั้งสองข้างให้ห่างกันประมาณ 1 ช่วงไหล่ และใช้เท้าข้างใดก็ได้ที่ถนัดที่สุดยื่นมาไว้ข้างหน้าให้พอดีกับการย่อเข่าลง และยกส้นเท้าหลังขึ้นเล็กน้อย ที่สำคัญต้องทิ้งน้ำหนักตัวให้มั่นคงอยู่ที่เท้าทั้งสองข้าง และยกมือขึ้นระดับหน้าอกผู้เล่น ยื่นไปข้างนิดหน่อย สายตาต้องมองตรงที่คู่แข่งและลูกบอล

ต่อมาคือการเล่นสองมือล่าง หรือเรียกในศัพท์ วอลเลย์บอล ว่าการดันเดอร์ โดยใช้ช่วงลำแขนบังคับทิศทางบอลให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งเป็นวิธีที่น่าสนใจมาก และมีหลากหลายรูปแบบด้วย มาดูกันว่ามีรูปแบบไหนบ้าง

แบบซ้อนมือ : ถือว่าเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยการวางมือหนึ่งซ้อนทับอีกมือหนึ่ง แล้วให้นิ้วหัวแม่โป้งชิดกัน

แบบกำมือ : วิธีคือกำมือขวาและให้นิ้วหัวแม่โป้งเหยียดตรง บวกกับใช้มือซ้ายกำที่มือขวาอีกทีโดยให้หัวแม่โป้งเหยียดตรงเสมอกันและวางบนนิ้วขี้ของมือขวา

แบบสอดนิ้ว : ใช้นิ้วมือทั้งสองข้างประสานกันแน่นๆเหมือนกำมือ และให้สันนิ้วทั้งสองข้างชิดกัน ส่วนนิ้วหัวแม่โป้งทั้งสองมือให้เหยียดตรงและวางบนนิ้วชี้ของมือซ้าย

การเสิร์ฟลูก ถือว่าต้องเรียนรู้ให้ดี เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของเกม หากเสิร์ฟมั่วๆอาจจะโดนปรับฟาวน์ได้ วิธีเสิร์ฟลูก มีดังนี้ เตรียมท่าด้วยการยืนตรงและหันหน้าเข้าตาข่าย วางเท้าตรงข้ามกับมือที่จะเสิร์ฟให้อยู่ข้างหน้า ให้ส้นเท้าหลังเปิดเล็กน้อย ต่อมาให้ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดถือลูกบอลเพื่อเตรียมเสิร์ฟ และให้ลูกบอลอยู่ในระดับหน้าท้องเยื้องๆกับหน้าอก เอาไว้ห่างตัวประมาณ 1 ฟุต จากนั้นให้งอข้อศอกและเอนตัวไปข้างหน้านิดหน่อย และเหวี่ยงแขนที่ถือลูกบอลไปข้างหลังพร้อมกับโยนลูกขึ้น ดูจังหวะที่ลูกเริ่มตกให้เหวี่ยงแขนที่ถนัดเพื่อเสิร์ฟลูก และบังคับทิศทางด้วยการตีจากด้านหลังของบอล

จากบทความข้างต้นเป็นเพียงแค่หลักการพื้นฐานเท่านั้น แต่เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้หลายๆคนที่อยากเล่นได้ลองฝึกวิธีการเล่นเบื้องต้นได้แบบถูกกติกา จริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นท่าทาง หรือรูปแบบการเล่นก็ต้องใช้ท่าที่กล่าวมาทั้งหมด แต่จะเล่นเก่งหรือไม่ต้องอยู่ที่ทักษะและความรอบคอบ เนื่องจาก วอลเลย์บอล ุถือว่าเป็นเกมเร็ว เราไม่สามารถคาดเดาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคู่แข่งจะตีลูกไปในทิศทางไหน เพราะปัจจุบันกีฬาประเภทนี้มีวิธีสับขาหลอกคู่แข่งได้แบบเนียนๆ ไม่ต่างกับการเล่นฟุตบอล สังเกตได้จาก โปรแกรมบอลคืนนี้ หากใครที่ติดตามรับชมจะรู้ว่าแต่ละทีมที่เจอกันต่างมีทริคที่โหดแตกต่างกันไป เราไม่มีทางคาดเดาได้เป๊ะว่าทีมไหนจะเป็นฝ่ายชนะ ก็เหมือนกับ วอลเลย์บอล เพียงแต่รูปแบบที่เล่นต่างกันตรงที่ใช้มือและเท้าในการซัดลูก

เลือกประเภทกีฬาอย่างไร ให้เหมาะสมกับร่างกายของตนเอง

เลือกประเภทกีฬาอย่างไร ให้เหมาะสมกับร่างกายของตนเอง

เลือกประเภทกีฬาอย่างไร ให้เหมาะสมกับร่างกายของตนเอง

อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีว่าการเล่นกีฬานั้นจะช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แต่จริง ๆ แล้วประโยชน์ของกีฬามีมากมายกว่าที่เราคิด เพราะหลาย ๆ ประเภทกีฬานั้นก็เสริมทักษะทางร่างกาย สมรรถภาพร่างกายของเราในด้านอื่นด้วยนอกเหนือไปจากความแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็น ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว การทำงานประสานสัมพันธ์กันของร่างกาย เป็นต้น เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่าเรามีวัตถุประสงค์ในการออกกำลังกายของเราที่ชัดเจน ก็จะทำให้เราสามารถเลือกชนิดกีฬาที่เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพของร่างกายเราได้มากขึ้น

สำหรับใครที่อยากเล่นกีฬาเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ยกตัวอย่างเช่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนล่าง เช่น กล้ามเนื้อต้นขา กล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อเข่า กีฬาที่แนะนำคือ การปั่นจักรยาน การวิ่งก็ถือว่าตอบโจทย์ เพราะเป็นชนิดกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้อขาค่อนข้างมาก แต่ถ้าใครมีข้อจำกัดในเรื่องของข้อเข่า เช่น มีอาการบาดเจ็บ หรือมีข้อเข่าเสื่อม ก็เน้นชนิดกีฬาที่ไม่ได้มีการกระแทกหรือการลงน้ำหนักที่หัวเข่ามากนัก อย่างการปั่นจักรยาน การออกกำลังกายในน้ำ ก็จะไม่มีแรงกระทำต่อหัวเข่ามาก ทั้งนี้ก็ขึ้นกับความชอบของผู้เล่นกีฬาด้วย

สำหรับใครที่รู้สึกว่าตนเองมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในระดับที่พึงพอใจแล้วแต่ยังขาดในเรื่องของความยืดหยุ่นของร่างกายอยู่ แนะนำให้เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้มเนื้อด้วยกีฬาที่เน้นการยืดเหยียดของร่างกายทั้งส่วนบน อย่างกล้ามเนื้อแขน มือ และรยางค์ส่วนล่างอย่าง ต้นขา ขาส่วนล่าง เท้า เป็นต้น โดยสามารถที่จะเลือกเป็น กีฬาโยคะหรือกีฬายิมนาสติก ก็จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้ในเรื่องของความยืดหยุ่นแล้ว ยังได้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากต้องมีการทำแต่ละท่าทางไปพร้อมกับการหายใจที่ถูกต้อง ทั้งการหายใจเข้าและหายใจออก เรียกได้ว่าเกิดประโยชน์หลากหลายต่อเลยทีเดียว

ส่วนใครที่ต้องการเพิ่มทักษะในส่วนของการทำงานประสานสัมพันธ์กันของร่างกาย เช่น การทำงานประสานสัมพันธ์ของตาและแขน มือ สามารถเลือกเป็นชนิดกีฬา เปตอง แบดมินตัน เนื่องจากเราจะได้ฝึกใช้สายตาในการกะระยะของสิ่งของวัตถุต่าง ๆ และกำหนดแรงของแขนที่จะใช้ในการโยนลูกให้เข้าใกล้ลูกแก่นสำหรับกีฬาเปตอง ส่วนแบดมินตันจะใช้ทักษะกำหนดระยะการรับลูก การกำหนดแรงในการตีลูกกลับไปยังฝั่งตรงข้าม เมื่อมีการฝึกอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเราสามารถทำงานประสานสัมพันธ์กันได้ดีขึ้น

ยังมีกีฬาอีกหลายชนิดที่รอให้คุณค้นพบความชอบและศักยภาพทางกีฬาของตนเอง ต้องบอกเลยว่ากีฬาแต่ละประเภทมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ก็ล้วนดีต่อทักษะและสมรรถภาพต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งเสริมให้เรามีสุขภาพกายที่ดีและแข็งแรงมากขึ้นในระยะยาว

บอกลาความอ้วนกับ 5 สุดยอดกีฬาเพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผล

บอกลาความอ้วนกับ 5 สุดยอดกีฬาเพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผล

บอกลาความอ้วนกับ 5 สุดยอดกีฬาเพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผล

ใครที่กำลังเผชิญปัญหาส่วนเกินหรือลดน้ำหนักอย่างไรก็ไม่ได้ผลเสียที ขอแนะนำตัวช่วยเพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผลด้วยสุดยอดกีฬา 5 ชนิด ที่รับรองว่าจะช่วยให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม ร่างกายแข็งแรง แถมยังทำให้ลืมปัญหาเรื่องความอ้วนไปได้เลย

วิ่ง
กีฬาสุดคลาสสิกที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม สังเกตได้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะแห่งใดก็มักมีคนมาวิ่งเสมอ จุดเด่นของกีฬาประเภทนี้คือแค่มีรองเท้าวิ่งคู่เดียวก็สามารถออกกำลังกายได้แล้ว ที่สำคัญยังสามารถเผาผลาญแคลอรีได้ดี โดยการวิ่งเหยาะ ๆ 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 400-500 กิโลแคลอรี แต่สำหรับใครที่มีปัญหาน้ำหนักตัวมาก แนะนำให้เปลี่ยนไปเล่นกีฬาประเภทอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงอย่างเช่น ข้อเข่าเสื่อมอันเกิดจากน้ำหนักตัวมากและวิ่งออกกำลังกายนั่นเอง

ปั่นจักรยาน
หากใครที่น้ำหนักตัวค่อนข้างมาก ลองเปลี่ยนจากการวิ่งมาเป็นการปั่นจักรยานเพราะจะช่วยถนอมข้อเท้าและข้อเข่าได้มากกว่า สามารถปั่นได้ทั้งในที่ร่มหรือกลางแจ้ง โดยการปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมง เผาผลาญได้แบบจัดเต็ม 400-500 กิโลแคลอรี ทำให้กีฬาประเภทนี้ได้รับความนิยมทั้งจากหนุ่ม ๆ และสาว ๆ ที่ต้องการให้ร่างกายและหัวใจแข็งแรงไปพร้อมกัน

ว่ายน้ำ
จุดเด่นของกีฬาว่ายน้ำคือสามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก รวมถึงผู้ที่เป็นโรคหอบหืด เนื่องจากการว่ายน้ำช่วยให้ปอดแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญยังได้ใช้ร่างกายทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา หรือลำตัว ทำให้ร่างกายแข็งแรงทุกจุด โดยการว่ายน้ำ 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญได้มากถึง 880 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว

ชกมวย
มากันที่กีฬาสำหรับหนุ่มสาวสายบู๊กันบ้าง ซึ่งระยะหลังมานี้จะสังเกตเห็นได้ว่ากีฬาชกมวยได้รับความนิยมมากกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง เหตุผลก็เพราะเป็นกีฬาป้องกันตัว อีกทั้งยังช่วยเบิร์นแคลอรีได้มาก เพราะ 1 ชั่วโมงสามารถเผาผลาญได้ประมาณ 400 กิโลแคลอรี แต่ทางที่ดีควรมีเทรนเนอร์ให้คำปรึกษาเพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุจากการชก

เทนนิส
อีกหนึ่งสุดยอดกีฬาลดน้ำหนักเพราะเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 400-600 กิโลแคลอรีภายใน 1 ชั่วโมง รับรองว่างานนี้เหงื่อแตกกระจาย แถมยังได้ร่างกายฟิต ๆ สามารถเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นคู่ก็ได้ นอกจากนี้ กีฬาประเภทนี้ยังช่วยให้หัวใจแข็งแรงและทำให้เลือดสูบฉีดได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

นอกจาก 5 ประเภทกีฬาที่สามารเบิร์นแคลอรีได้ดีสุด ๆ แล้ว ใครที่ต้องการบอกลาความอ้วน แนะนำให้เล่นกีฬาควบคู่กับการควบคุมอาหารและพักผ่อนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง โดยควรทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ รับรองว่านอกจากจะได้หุ่นสวยเป๊ะแล้ว คุณจะได้สุขภาพดี ๆ มาเป็นของแถมอย่างแน่นอน

แนะนำ 5 วิธี เล่นกีฬาอย่างไรไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ

แนะนำ 5 วิธี เล่นกีฬาอย่างไรไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ

แนะนำ 5 วิธี เล่นกีฬาอย่างไรไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ

กีฬาทุกชนิดล้วนมีประโยชน์ในการสร้างเสริมสุขภาพและความสนุกสนานของผู้เล่น ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจเบิกบาน ทั้งยังช่วยให้ผู้เล่นได้รู้จักเพื่อนใหม่ กระชับความสัมพันธ์ทางสังคมได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ขึ้นชื่อว่ากีฬาแล้ว ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับการใช้กำลังแรงกายและการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบางส่วนอย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับลักษณะการเล่นของกีฬาชนิดนั้น ๆ ดังนั้น หากผู้เล่นมีสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมหรือขาดความระมัดระวังทั้งก่อนเล่น ระหว่างเล่น และหลังเล่นกีฬา ก็อาจเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ๆ แต่ถ้ารู้วิธีเตรียมความพร้อม ก็จะหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บได้ ซึ่งเราจะมาแนะนำ 5 วิธีต่อไปนี้

1.เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนลงสนาม
อันดับแรกก่อนที่เราจะเลือกเล่นกีฬาชนิดใดก็ตาม ต้องสำรวจความพร้อมของร่ายกายตัวเองก่อนว่าเหมาะจะเล่นกีฬาชนิดนั้นหรือไม่ หากสภาพร่างกายหรือลักษณะทางกายภาพของเราไม่เอื้ออำนวย ก็ไม่ควรฝืนเล่นกีฬาที่ไม่เหมาะกับเรา เพราะนอกจากจะทำให้ไม่สนุกแล้ว ยังเสี่ยงก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ แม้ว่าเราจะเลือกเล่นกีฬาที่เหมาะกับเราแล้วก็ตาม เราก็ต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมก่อนเล่นกีฬาชนิดนั้นด้วย เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หรือการงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

2.อบอุ่นร่างกายหรือ “วอร์มอัพ” ก่อนลงสนาม
เชื่อว่าแทบทุกคนคงรู้จักการวอร์มอัพก่อนเล่นกีฬา เพราะเป็นเหมือนขั้นตอนพื้นฐานในวิชาพลศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาเลยก็ว่าได้ เพียงแค่การเหยียดหรือยืดกล้ามเนื้อเบา ๆ รวมถึงการขยับ หมุน บิด อวัยวะส่วนต่าง ๆ เช่น หัวไหล่ ข้อมือ แขน ขา ฯลฯ ก่อนเล่นกีฬาทุกประเภท เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ช่วยลดอาการบาดเจ็บจากอาการยอดฮิตอย่าง “ตะคริว” ได้เป็นอย่างดี

3.สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันของกีฬานั้น ๆ ทุกครั้ง
อุปกรณ์ป้องกันในกีฬาชนิดต่าง ๆ ย่อมถูกออกแบบมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ในกีฬาชนิดนั้น ๆ ส่วนใหญ่เป็นการป้องกันอวัยวะส่วนที่ใช้เล่นกีฬาชนิดนั้น เช่น สนับแข้งของกีฬาฟุตบอลมีไว้เพื่อป้องกันบริเวณหน้าแข้งที่มักจะเกิดการปะทะระหว่างแข่งขัน หรือหมวกนิรภัย-เฮดการ์ดของกีฬาต่าง ๆ เช่น มวยสากล, จักรยาน, เทควันโด ฯลฯ ล้วนออกแบบมาเพื่อป้องกันส่วนศีรษะที่เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บระหว่างเล่นนั่นเอง

4.มีน้ำใจนักกีฬา เล่นแค่พอรู้แพ้ชนะ
จุดประสงค์แรกเริ่มของการเล่นกีฬานั้น นอกจากจะเพื่อความสนุกสนานแล้ว ยังเพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น ๆ ด้วย แต่ปัจจุบัน การเล่นกีฬามักกลายเป็นสังเวียนระบายอารมณ์ กีฬาบางชนิดเต็มไปด้วยการเล่นที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังเป็นการทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เล่นอีกด้วย

5.“คูลดาวน์” หลังเล่นกีฬาทุกครั้ง
ก่อนเล่นมีการ “วอร์มอัพ” หลังเล่นก็จะต้องมีการ “คูลดาวน์” ด้วยเช่นกัน เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายเบา ๆ เช่น การเดินไปมาเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยให้ร่างกายกลับเข้าสู่สภาพปกติ เนื่องจาก ในช่วงหลังเลิกเล่นกีฬาใหม่ ๆ ร่างกายจะมี “กรดแลคติก” ที่เกิดจากการกระบวนการเผาผลาญออกซิเจน ตกค้างจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงต้องคูลดาวน์เพื่อช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ สลายกรดแลคติกออกจากระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังเล่นกีฬาได้นั่นเอง

จุดประสงค์ของกีฬาคือการเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย ทำให้มีความสามัคคีและสนุกสนาน ดังนั้น อย่ามองข้ามความปลอดภัย ขอให้นำแนวทางข้างต้นไปใช้ เพื่อให้สามารถเล่นกีฬาที่ชื่นชอบไปได้นานเท่าที่ต้องการ

ข้อดีของการเล่นกีฬาและออกกำลังกาย

ข้อดีของการเล่นกีฬาและออกกำลังกาย

ข้อดีของการเล่นกีฬาและออกกำลังกาย

การเล่นกีฬาถือได้ว่าเป็นกิจกรรมโปรดของหลายคน และยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อมีผลการวิจัยทางการแพทย์ออกมาสนับสนุนว่าการออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้รับประโยชน์หลากหลายด้าน อย่างไรก็ตาม มีคนอีกไม่น้อยที่ปฏิเสธการเล่นกีฬา เพราะอ้างว่าไม่มีเวลาและไม่เห็นความสำคัญเท่าที่ควร เราจึงอยากชวนให้มาดูกันว่าข้อดีของการเล่นกีฬาและออกกำลังกายมีอะไรบ้าง เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนเล่นกีฬาที่ชอบมากขึ้น

1.ช่วยเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
คนที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง เช่น หอบหืด ความดัน เบาหวาน ไขมันในเลือด อ้วน ฯลฯ หากให้เวลากับการเล่นกีฬาที่ชอบเพียงวันละ 15 ถึง 30 นาที เช่น การเดินเร็ว การตีแบดมินตัน ว่ายน้ำ วิ่งเหยาะ ๆ กระโดดเชือก ฯลฯ จะทำให้สุขภาพดีขึ้นได้อย่างมาก ลดความรุนแรงของโรคที่เป็นอยู่ได้ ยืนยันได้จากผลตรวจสุขภาพด้วยการเจาะเลือดหรือวัดสมรรถภาพของปอดจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจนเห็นได้ชัด และอาจทำให้สามารถหยุดใช้ยาได้ด้วย

2.ทำให้มีรูปร่างที่ดี
การเล่นกีฬาทุกชนิดจะทำให้ร่างกายเกิดกระบวนการเผาผลาญที่สูงขึ้นกว่าเดิม ผู้ที่ทำงานนั่งทำงานในออฟฟิศทำงานแบบนั่งโต๊ะ โดยที่แทบไม่ได้ขยับตัวลุกเดิน มักจะมีน้ำหนักตัวมากกว่าค่าเฉลี่ยที่ทางการแพทย์แนะนำ ดังนั้นเมื่อหันมาออกกำลังกายสม่ำเสมอจะทำให้รูปร่างเล็กลง เพราะมีการสลายไขมันส่วนเกินไปเป็นกล้ามเนื้อมากขึ้น และกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยก็สามารถกระชับขึ้นได้ จนทำให้ภาพรวมมีรูปร่างสมส่วนสวยงามยิ่งขึ้น และช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์กว่าวัยขึ้นเป็น 10 ปีได้

3.ทำให้สุขภาพจิตดี
การเล่นกีฬาไม่ว่าจะแบบเดี่ยว เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือ แบบทีม เช่น บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ฟุตบอล ต่างทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขที่ช่วยให้จิตใจสดชื่น เบิกบานแจ่มใสมากขึ้น และยิ่งเมื่อได้มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างก็ยิ่งทำให้มีความสุขได้ ทำให้ลดระดับของฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลได้ด้วย

4.ช่วยปรับเปลี่ยนนิสัย
การเล่นกีฬาสม่ำเสมอจะสามารถเปลี่ยนคนที่ขี้เกียจให้กลายเป็นคนขยันได้ เพราะต้องตั้งเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เกิดการบริหารจัดการเวลาในการทำงานหรือการนอนหลับพักผ่อนอย่างเป็นกิจวัตรที่ดียิ่งขึ้น ทำให้รู้สึกเชื่อมั่นและเห็นคุณค่าในตัวเองยิ่งขึ้น ทั้งยังลดพฤติกรรมการบริโภคอาหารตามใจปากได้เพราะผู้ที่ออกกำลังกายเล่นกีฬาเป็นประจำจะพยายามรักษารูปร่างให้ดียิ่งขึ้นต่อไปได้นาน ๆ ด้วย

จะเห็นได้ว่า ประโยชน์ของการเล่นกีฬามีอยู่มากมาย เราหวังว่าบทความนี้ทำให้ทุกท่านตระหนักถึงความสำคัญของการเล่นกีฬามากขึ้นเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีต่อไป

เล่นกีฬา ให้ประโยชน์อะไรบ้าง

เล่นกีฬา ให้ประโยชน์อะไรบ้าง

เล่นกีฬา ให้ประโยชน์อะไรบ้าง

การเล่นกีฬาถือว่าเป็นกิจกรรมเพื่อสุขภาพที่ทุกคนควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีการวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่าทุกครั้งที่ออกกำลังกายจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีต่อร่างกายและจิตใจในด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้

1.กระตุ้นระบบอวัยวะและฮอร์โมน
ในขณะที่ออกกำลังกายร่างกายจะมีการขยับเขยื้อนกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ทำให้เกิดการกระตุ้นหัวใจให้ทำงานสูบฉีดโลหิตได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังส่งผลบวกต่ออวัยวะอื่น ๆ ในการหลั่งฮอร์โมนเพื่อปรับสมดุลการทำงานระบบต่าง ๆ ทำให้ลดความเสี่ยงการเป็นโรคเรื้อรังได้มากมาย เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไขมันพอกตับ ฯลฯ

2.ช่วยให้มีรูปร่างที่ดีและมีความมั่นใจขึ้น
กระบวนการเผาผลาญของร่างกายจะดียิ่งขึ้น หากออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยต่อเนื่องครั้งละ 30 นาที โดยจะมีการเผาผลาญพลังงาน 60 ถึง 100 กิโลแคลอรี และกระตุ้นการเปลี่ยนไขมันส่วนเกินที่อยู่ใต้ผิวหนังเป็นพลังงานในขณะออกกำลังกาย จึงทำให้มีรูปร่างที่เพรียวกระชับสมส่วนขึ้น ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีปัญหาโรคอ้วนจึงมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้จากการออกกำลังกาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา อาหารเสริมแต่อย่างใด

3.เพิ่มการหลั่งสารเคมีในสมอง ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี
สารเซโรโทนินและเอ็นโดรฟินเป็นสารที่ร่างกายหลั่งออกมามากขึ้นในช่วงออกกำลังกาย ส่งผลในทางที่ดีต่อจิตใจ เมื่อออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละสามครั้ง จะทำให้เราเสพติดความสุขและความสดชื่นหลังการออกกำลังกาย ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดี บรรเทาโรคเครียด โรคซึมเศร้า ควรเพิ่มเวลาในการออกกำลังกายมากขึ้น

4.สร้างมิตรภาพและสังคมที่กว้างขึ้น
การออกกำลังกายเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมเพื่อนผู้รักสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีการรวมกลุ่มในเฟซบุ๊กและไลน์มากมาย เพื่อให้คนที่ชอบเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายแบบเดียวกัน อย่างการว่ายน้ำ ไตรกีฬา วิ่งมาราธอน ปั่นจักรยาน ฯลฯ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแนะนำสถานที่ออกกำลังกายใหม่ ๆ การออกกำลังกายจึงทำให้มีสังคมเพื่อนกว้างขึ้นได้

5.ทำให้มีวินัยในชีวิตประจำวันมากขึ้น
การออกกำลังกายควรทำเป็นประจำ เช่น ช่วงเวลาเช้า 5:00 น. ถึง 6:00 น. ก่อนทำงาน หรือ ช่วง 18:00 น. ถึง 19:00 น. หลังเลิกงาน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีสุขภาพดี มีความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้า มีสุขภาพกายและใจที่ดี จะต้องจัดสรรเวลาออกกำลังกายให้เป็นกิจลักษณะ จึงจะทำให้เป็นคนที่มีวินัยมากขึ้นในระยะยาวด้วย

จะเห็นได้ว่าการออกกำลังกายให้ประโยชน์แก่ทุกคนอย่างรอบด้าน ทั้งในทั้งด้านสุขภาพกายและใจ การสร้างสังคมผู้รักษาสุขภาพที่กว้างขวางขึ้น ทั้งนี้ควรเลือกชนิดกีฬาที่เหมาะสมกับสุขภาพของร่างกายและตามช่วงวัย ไม่ควรหักโหมเกินไป เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ

5 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกีฬาบาสเกตบอล

5 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกีฬาบาสเกตบอล

5 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกีฬาบาสเกตบอล

การเล่นกีฬาบาสเกตบอล จะต้องมีอุปกรณ์ในการเล่น คือ ลูกบาสเกตบอลเบอร์ 7 สำหรับการแข่งขันประเภทชาย เบอร์ 6 สำหรับการแข่งขันประเภทหญิงและลูกบาสเกตบอลในประเภทการแข่งขัน 3 คน จะใช้บาสเกตบอลเบอร์ 6 แต่น้ำหนักเบอร์ 7 ซึ่งจะต้องเล่นที่สนามที่มีขนาดความยาวทั้งหมด 28 เมตร กว้าง 15 เมตร โดยห่วงมีความสูงประมาณ 10 ฟุต หรือ 3.05 เมตร และที่สำคัญก่อนการเล่นกีฬาบาสเกตบอลควรศึกษาความรู้เบื้องต้นเพื่อเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี 5 เรื่องที่น่ารู้ดังนี้

1.จำนวนผู้เล่นและตำแหน่ง
การเล่นกีฬาบาสเกตบอลประกอบด้วยผู้เล่นแต่ละทีม 12 คน สามารถลงสนามได้ทีมละ 5 คน ซึ่งในสนามประกอบด้วย 5 ตำแหน่ง คือ ตำแหน่งที่ 1 Point Guard ตำแหน่งที่ 2 Shooting Guard ตำแหน่งที่ 3 Small Forward ตำแหน่งที่ 4 Power Forward ตำแหน่งที่ 5 Center

2.วิธีเริ่มการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล
การเริ่มแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล จะมี 5 คนกระทำได้ในการกระโดดปัดลูกบาสเกตบอลบริเวณกึ่งกลางสนาม ซึ่งผู้เล่นจะมีสิทธิ์เพียงแค่ปัดลูกบอลไปให้ผู้เล่นทีมเดียวกันเท่านั้น ที่สำคัญจะไม่มีสิทธิ์ที่จะกระโดดขึ้นไปแล้วคว้าบอลจับสองมือ เนื่องจากการการะทำเช่นนี้จะเป็นการละเมิดกติกา ทำให้ผู้ตัดสินได้ตัดสินให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้บอลในทันที ส่วนการเคลื่อนที่ในการแข่งขันเล่นกีฬาบาสเกตบอล ทำได้ด้วยการส่งลูกบาสเกตบอลให้กับผู้ร่วมทีมหรือเคลื่อนที่ด้วยการเลี้ยงลูกบาสเกตบอล การเดาะลูกบาสเกตบอลสู่มือเรื่อย ๆ

3.การทำแต้มหรือคะแนน
การทำแต้มจะเกิดขึ้นเมื่อฝั่งที่ครอบครองลูกบอลได้ยิงหรือชู้ตบาสเกตบอลลงห่วงของทีมฝั่งตรงข้าม หากได้ยิงลงภายในพื้นที่เส้นโค้งหรือยิงระยะกลางจะได้ 2 คะแนน แต่ถ้ายิงลงภายนอกเขตเส้นโค้งจะได้ 3 คะแนน ส่วนกรณีที่เป็นลูกโทษหรือเรียกว่า Free Throw จะได้ลูกโทษละ 1 คะแนน

4.การครอบครองบอล
ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองบอล ไม่ว่าจะเป็นการบล็อกลูกบอลที่ยิง การ Rebound หรือการเก็บลูกบาสเกตบอลที่ยิงพลาดหรือจะเป็นการขโมยลูกบาสเกตบอลเพื่อนำบอลไปทำคะแนนเสียเอง

5.ระยะเวลาของการแข่งขัน
กีฬาบาสเกตบอลจะมีระยะเวลาการแข่งขัน ถ้าเป็นมือสมัครเล่นหรือ Fiba จะเล่นทั้งหมดได้ 4 ช่วง ช่วงละ 10 นาที ส่วน NBA จะเล่นทั้งหมด 4 ช่วง ช่วงละ 12 นาที เมื่อหมดเวลาการแข่งขันทีมไหนทำแต้มมากกว่าทีมนั้นเป็นฝ่ายชนะ แต่บาสเกตบอลไม่มีการเสมอ เพราะฉะนั้น ถ้ามีการเสมอหรือมีแต้มเท่ากันจะต้องต่อเวลาช่วงละ 5 นาที ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ

นอกจาก 5 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกีฬาบาสเกตบอลดังกล่าวแล้ว ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับระเบียบการเล่นเพื่อไม่ให้ละเมิดกติกา เช่น ทีมที่ครอบครองบอลจะต้องยิงลูกบาสเกตบอลให้โดนห่วงภายในเวลา 24 วินาที หากเลยเวลาที่กำหนด ผู้ตัดสินจะให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้บอลทันที การละเมิดกติกาที่เกี่ยวข้องกับการถูกต้องตัวกับฝ่ายตรงข้ามที่ผิดกติกาหรือพฤติกรรมที่ไม่ใช่วิสัยของนักกีฬาที่เรียกว่า การฟาล์ว (FOUL) เป็นต้น หลังจากนี้หวังว่าผู้อ่านจะสนุกกับการดูกีฬาบาสเกตบอลมากขึ้น หรือถ้าจะเล่นบาสเกตบอล ก็จะเข้าใจในกติกาได้มากขึ้นด้วย

7 ทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลที่สำคัญ

7 ทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลที่สำคัญ

ทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลจะมีระดับตั้งแต่พื้นฐานจนไปถึงระดับชำนาญ และหากเมื่อไหร่มีการค้นพบตัวเองก็จะนำไปสู่การเป็นมืออาชีพแบบทีมชาติได้ นอกจากนี้ กีฬาฟุตบอลยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อย่างคุ้มค่า ซึ่งสามารถเล่นได้ตั้งแต่ 4 – 18 ปีขึ้นไป ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม

  1. การเล่นฟุตบอลที่มีความถนัดทั้งสองเท้า ทักษะนี้จะช่วยให้ชนะได้เพราะจะทำให้คู่แข่งดักทางได้ยาก นอกจากนี้ยังทำให้การเตะ การยิงประตูหรืออื่น ๆ ได้ดีกว่าเท้าเดียว
  2. การควบคุมลูกฟุตบอลทั้งบนพื้นและบนอากาศ ถือว่าเป็นจุดเด่นระดับพื้นฐานทางด้านการเคลื่อนไหวในการเล่นฟุตบอล
  3. วิ่งอย่างคล่องแคล่วตามแบบการเล่นฟุตบอล ได้แก่ การวิ่งแบบซิกแซกเมื่อได้ครอบครองลูกบอล วิ่งในส่วนมุมของสนาม วิ่งหาลู่ทาง วิ่งหลบ วิ่งตัดคู่แข่ง
  4. การเลี้ยงลูกบอลให้ชนะคู่แข่งได้เร็วขึ้น เป็นการทำให้ลูกบอลไปยังหน้าประตูฝ่ายตรงข้ามหรือการทำประตูนั่นเอง
  5. ความรวดเร็วในการหลอกทีมตรงข้าม เป็นวิธีเสริมการเลี้ยงลูกบอลเพื่อให้ชนะ สร้างความภูมิใจในการเล่นฟุตบอลมากขึ้น
  6. เพิ่มความแรงในการยิงประตู ด้วยการขยับไปพร้อมกับลูกบอลแบบกระโดด แบบหลบ การพุ่งหรืออื่น ๆ
  7. ความแม่นยำในการเดาะลูกฟุตบอล ในส่วนศีรษะ เท้า ขาและเข่าแบบปราศจากมือช่วยในการจับ โดยไม่ให้ลูกบอลหล่นบนพื้น

ประโยชน์ต่อสุขภาพจากการเล่นกีฬาฟุตบอล

การเล่นกีฬาฟุตบอลช่วยป้องกันข้อเสื่อมโดยเฉพาะทักษะการหยุดบอลซึ่งต้องใช้การขยับในส่วนฝ่าเท้า ข้างเท้าหรือส่วนอื่น ๆ ช่วยให้เลือดไหลเวียนศีรษะได้ดี ในทักษะการโหม่งลูกบอลที่ต้องใช้ส่วนหน้าผากส่งลูกบอลให้กับทีมร่วมเล่นเพื่อขวางคู่แข่ง ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกระบอกตาหรือเป็นการบริหารสุขภาพสายตา ในทุกทักษะการเล่นฟุตบอลเพราะจะต้องดูการเคลื่อนไหวของลูกบอลตลอดเวลา ช่วยให้จิตใจมีสมาธิหรือสุขภาพจิตดีขึ้นเนื่องจากต้องจดจ่อลูกบอลส่งไปยังประตูเพื่อชนะคู่แข่งซึ่งต้องใช้สมาธิในการเล่นสูง ช่วยการเต้นของหัวใจดีเยี่ยมเพราะการเล่นฟุตบอลต้องวิ่งตลอด จึงต้องอาศัยออกซิเจนสูง ช่วยให้ระบบการทำงานของอวัยวะภายในดีขึ้น ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเอ็นและข้อต่อ เพราะการเล่นฟุตบอลนั้นต้องใช้ทุกส่วนโดยเฉพาะขาที่ต้องใช้เตะ วิ่ง กระโดดหรืออื่น ๆ ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงเพิ่มขึ้น ร่างกายมีสัดส่วนที่ดี เนื่องจากได้เผาผลาญพลังงานมากในกรณีที่ได้เล่นฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีปริมาณน้ำหนักเกินมาตรฐาน ช่วยให้ห่างไกลโรคกระดูกพรุน ไม่ให้เสียมวลกระดูกเพราะเป็นกีฬาที่ต้องวิ่งซึ่งเชื่อมโยงกับกระดูก ช่วยให้ไม่เกิดความซึมเศร้า เพราะทุกครั้งเมื่อได้เล่นฟุตบอลจะช่วยให้สมองของผู้เล่นปลอดโปร่ง

การเล่นกีฬาฟุตบอลถือว่าเป็นกีฬาที่นอกจากจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ยังทำให้เรียนรู้จัดการอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้นด้วย เพราะในการเล่นฟุตบอล สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องควบคุมตัวเองให้มีความอดทน ใจเย็น อีกทั้งเป็นกีฬาที่ใช้อุปกรณ์น้อย ราคาไม่แพง แต่เปี่ยมไปด้วยการพัฒนาทักษะพร้อมเรียนรู้ให้เข้ากับทีมได้ดีเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ รวมถึงรู้จักสิทธิของผู้อื่นและการทำงานเป็นทีม เนื่องจากกีฬาฟุตบอลมีกฎในการเล่น สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริง ทั้งในเรื่องความอดทนและรับฟังความคิดเห็นคนอื่นอย่างยุติธรรม ช่วยให้มีไหวพริบเพราะทุกครั้งในการเล่นจะต้องหาทางออกของปัญหาได้เก่ง ไม่ว่าจะเป็น การหลบหลีกคู่แข่ง การรับหรือการส่งออกลูกฟุตบอลก็ตาม ที่สำคัญ คือ เป็นกีฬาที่สนุกและลดความเครียดได้ เพราะร่างกายจะขับสารเอ็นโดร์ฟิน ทำให้เกิดความชื่นชอบกีฬาฟุตบอลมากขึ้น จนอยากกลับมาเล่นทุกครั้งเมื่อมีเวลาว่าง