เล่น วอลเลย์บอล อย่างไรให้ถูกวิธี

วอลเลย์บอล กีฬาอันดับ 1 ที่คนไทยชื่นชอบและติดตาม

เล่น วอลเลย์บอล อย่างไรให้ถูกวิธี

วอลเลย์บอล เป็นหนึ่งกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดพอๆกับ กีฬาฟุตบอล จากภาพรวมของกีฬาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการติดตามรับชมการแข่งขัน วอลเลย์บอล หรือจะพากันเล่นเพื่อเป็นตัวเลือกในการออกกำลังกาย ซึ่งถ้าเราดูด้วยตาเปล่าก็อาจจะมองว่าง่าย แต่ความจริงแล้วต้องใช้ความแข็งแรงของสภาพร่างกาย บวกกับกล้ามเนื้อแขนและขาที่ต้องอึดพอสมควร จึงไม่ใช่เรื่องง่ายของใครหลายๆคน แต่ถ้าหากจะเล่นเพื่อความสนุกสนานก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะ วอลเลย์บอล มีรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างหลากหลาย พร้อมกับกฏกติกาที่เยอะ จึงไม่ต้องจำเป็นต้องเน้นอะไรมากมาย แต่ถ้าต้องการเล่นแบบจริงจัง ต้องมาทำความรู้จักกับเทคนิคหรือวิธีการเล่น ดังต่อไปนี้

เล่น วอลเลย์บอล อย่างไรให้ถูกวิธี

สิ่งแรกเลยคือการสร้างความคุ้นเคยกับลูกบอล เพราะต้องเป็นอุปกรณ์หลักของกีฬาชนิดนี้ ดังนั้นถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำความคุ้นเคย เพื่อที่จะรู้น้ำหนัก การเคลื่อนที่ของบอล และจังหวะในการเดาะ ซึ่งจะช่วยให้การเล่นมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้นด้วย หริือหมายถึงการควบคุมทิศทางบอลของผู้เล่นเองก็จะง่ายมากขึ้น ถ้ามองในมุมกลับกัน หากเราไม่รู้ว่าภาพรวมของบอลเป็นอย่างไร อาจจะทำให้ผู้เล่นเสียเปรียบ โดยคาดเดาทิศทางของลูกบอลไม่ถูก ในขณะที่เล่นมีโอกาสที่จะพลาดเสียแต้มสูงเหมือนกัน

รูปแบบที่สองคือท่าเตรียมของผู้เล่น โดยปกติแล้วจะใช้หลักการเดียวกันทั้งหมด คือการยืนแล้วแยกเท้าทั้งสองข้างให้ห่างกันประมาณ 1 ช่วงไหล่ และใช้เท้าข้างใดก็ได้ที่ถนัดที่สุดยื่นมาไว้ข้างหน้าให้พอดีกับการย่อเข่าลง และยกส้นเท้าหลังขึ้นเล็กน้อย ที่สำคัญต้องทิ้งน้ำหนักตัวให้มั่นคงอยู่ที่เท้าทั้งสองข้าง และยกมือขึ้นระดับหน้าอกผู้เล่น ยื่นไปข้างนิดหน่อย สายตาต้องมองตรงที่คู่แข่งและลูกบอล

ต่อมาคือการเล่นสองมือล่าง หรือเรียกในศัพท์ วอลเลย์บอล ว่าการดันเดอร์ โดยใช้ช่วงลำแขนบังคับทิศทางบอลให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งเป็นวิธีที่น่าสนใจมาก และมีหลากหลายรูปแบบด้วย มาดูกันว่ามีรูปแบบไหนบ้าง

แบบซ้อนมือ : ถือว่าเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยการวางมือหนึ่งซ้อนทับอีกมือหนึ่ง แล้วให้นิ้วหัวแม่โป้งชิดกัน

แบบกำมือ : วิธีคือกำมือขวาและให้นิ้วหัวแม่โป้งเหยียดตรง บวกกับใช้มือซ้ายกำที่มือขวาอีกทีโดยให้หัวแม่โป้งเหยียดตรงเสมอกันและวางบนนิ้วขี้ของมือขวา

แบบสอดนิ้ว : ใช้นิ้วมือทั้งสองข้างประสานกันแน่นๆเหมือนกำมือ และให้สันนิ้วทั้งสองข้างชิดกัน ส่วนนิ้วหัวแม่โป้งทั้งสองมือให้เหยียดตรงและวางบนนิ้วชี้ของมือซ้าย

การเสิร์ฟลูก ถือว่าต้องเรียนรู้ให้ดี เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของเกม หากเสิร์ฟมั่วๆอาจจะโดนปรับฟาวน์ได้ วิธีเสิร์ฟลูก มีดังนี้ เตรียมท่าด้วยการยืนตรงและหันหน้าเข้าตาข่าย วางเท้าตรงข้ามกับมือที่จะเสิร์ฟให้อยู่ข้างหน้า ให้ส้นเท้าหลังเปิดเล็กน้อย ต่อมาให้ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดถือลูกบอลเพื่อเตรียมเสิร์ฟ และให้ลูกบอลอยู่ในระดับหน้าท้องเยื้องๆกับหน้าอก เอาไว้ห่างตัวประมาณ 1 ฟุต จากนั้นให้งอข้อศอกและเอนตัวไปข้างหน้านิดหน่อย และเหวี่ยงแขนที่ถือลูกบอลไปข้างหลังพร้อมกับโยนลูกขึ้น ดูจังหวะที่ลูกเริ่มตกให้เหวี่ยงแขนที่ถนัดเพื่อเสิร์ฟลูก และบังคับทิศทางด้วยการตีจากด้านหลังของบอล

จากบทความข้างต้นเป็นเพียงแค่หลักการพื้นฐานเท่านั้น แต่เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้หลายๆคนที่อยากเล่นได้ลองฝึกวิธีการเล่นเบื้องต้นได้แบบถูกกติกา จริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นท่าทาง หรือรูปแบบการเล่นก็ต้องใช้ท่าที่กล่าวมาทั้งหมด แต่จะเล่นเก่งหรือไม่ต้องอยู่ที่ทักษะและความรอบคอบ เนื่องจาก วอลเลย์บอล ุถือว่าเป็นเกมเร็ว เราไม่สามารถคาดเดาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคู่แข่งจะตีลูกไปในทิศทางไหน เพราะปัจจุบันกีฬาประเภทนี้มีวิธีสับขาหลอกคู่แข่งได้แบบเนียนๆ ไม่ต่างกับการเล่นฟุตบอล สังเกตได้จาก โปรแกรมบอลคืนนี้ หากใครที่ติดตามรับชมจะรู้ว่าแต่ละทีมที่เจอกันต่างมีทริคที่โหดแตกต่างกันไป เราไม่มีทางคาดเดาได้เป๊ะว่าทีมไหนจะเป็นฝ่ายชนะ ก็เหมือนกับ วอลเลย์บอล เพียงแต่รูปแบบที่เล่นต่างกันตรงที่ใช้มือและเท้าในการซัดลูก

เล่นกีฬา ให้ประโยชน์อะไรบ้าง

เล่นกีฬา ให้ประโยชน์อะไรบ้าง

เล่นกีฬา ให้ประโยชน์อะไรบ้าง

การเล่นกีฬาถือว่าเป็นกิจกรรมเพื่อสุขภาพที่ทุกคนควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีการวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่าทุกครั้งที่ออกกำลังกายจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีต่อร่างกายและจิตใจในด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้

1.กระตุ้นระบบอวัยวะและฮอร์โมน
ในขณะที่ออกกำลังกายร่างกายจะมีการขยับเขยื้อนกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ทำให้เกิดการกระตุ้นหัวใจให้ทำงานสูบฉีดโลหิตได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังส่งผลบวกต่ออวัยวะอื่น ๆ ในการหลั่งฮอร์โมนเพื่อปรับสมดุลการทำงานระบบต่าง ๆ ทำให้ลดความเสี่ยงการเป็นโรคเรื้อรังได้มากมาย เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไขมันพอกตับ ฯลฯ

2.ช่วยให้มีรูปร่างที่ดีและมีความมั่นใจขึ้น
กระบวนการเผาผลาญของร่างกายจะดียิ่งขึ้น หากออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยต่อเนื่องครั้งละ 30 นาที โดยจะมีการเผาผลาญพลังงาน 60 ถึง 100 กิโลแคลอรี และกระตุ้นการเปลี่ยนไขมันส่วนเกินที่อยู่ใต้ผิวหนังเป็นพลังงานในขณะออกกำลังกาย จึงทำให้มีรูปร่างที่เพรียวกระชับสมส่วนขึ้น ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีปัญหาโรคอ้วนจึงมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้จากการออกกำลังกาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา อาหารเสริมแต่อย่างใด

3.เพิ่มการหลั่งสารเคมีในสมอง ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี
สารเซโรโทนินและเอ็นโดรฟินเป็นสารที่ร่างกายหลั่งออกมามากขึ้นในช่วงออกกำลังกาย ส่งผลในทางที่ดีต่อจิตใจ เมื่อออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละสามครั้ง จะทำให้เราเสพติดความสุขและความสดชื่นหลังการออกกำลังกาย ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดี บรรเทาโรคเครียด โรคซึมเศร้า ควรเพิ่มเวลาในการออกกำลังกายมากขึ้น

4.สร้างมิตรภาพและสังคมที่กว้างขึ้น
การออกกำลังกายเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมเพื่อนผู้รักสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีการรวมกลุ่มในเฟซบุ๊กและไลน์มากมาย เพื่อให้คนที่ชอบเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายแบบเดียวกัน อย่างการว่ายน้ำ ไตรกีฬา วิ่งมาราธอน ปั่นจักรยาน ฯลฯ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแนะนำสถานที่ออกกำลังกายใหม่ ๆ การออกกำลังกายจึงทำให้มีสังคมเพื่อนกว้างขึ้นได้

5.ทำให้มีวินัยในชีวิตประจำวันมากขึ้น
การออกกำลังกายควรทำเป็นประจำ เช่น ช่วงเวลาเช้า 5:00 น. ถึง 6:00 น. ก่อนทำงาน หรือ ช่วง 18:00 น. ถึง 19:00 น. หลังเลิกงาน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีสุขภาพดี มีความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้า มีสุขภาพกายและใจที่ดี จะต้องจัดสรรเวลาออกกำลังกายให้เป็นกิจลักษณะ จึงจะทำให้เป็นคนที่มีวินัยมากขึ้นในระยะยาวด้วย

จะเห็นได้ว่าการออกกำลังกายให้ประโยชน์แก่ทุกคนอย่างรอบด้าน ทั้งในทั้งด้านสุขภาพกายและใจ การสร้างสังคมผู้รักษาสุขภาพที่กว้างขวางขึ้น ทั้งนี้ควรเลือกชนิดกีฬาที่เหมาะสมกับสุขภาพของร่างกายและตามช่วงวัย ไม่ควรหักโหมเกินไป เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ

กีฬา ใช้เวลาน้อย เผาผลาญพลังงานเยอะ

กีฬา ใช้เวลาน้อย เผาผลาญพลังงานเยอะ

กีฬา ใช้เวลาน้อย เผาผลาญพลังงานเยอะ

ในยุคที่ผู้คนมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome) เพิ่มมากขึ้น โดยโรคนี้อยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) สามารถป้องกันได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดละเลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ลดความเครียด ควบคุมอาหาร และที่สำคัญลดและควบคุมน้ำหนัก หันมาออกกำลังกาย ซึ่งวันนี้เรามีกีฬา 5 ชนิดที่ใช้เวลาน้อย แต่ช่วยเผาผลาญพลังงานได้เยอะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วนลงพุงมาฝากกัน

กีฬา 5 ชนิดที่ใช้เวลาน้อย

การออกกำลังกาย แบบ HIIT (High-Intensity Interval Training) เริ่มด้วย HIIT หรือการออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงเวลาสั้น ๆ สลับกับการออกกำลังกายเบา ๆ เช่นปั่นจักรยานให้เร็วที่สุด เป็นเวลา 30 วินาที สลับกับปั่นธรรมดา สลับกันไปเรื่อย ๆ 20 – 30 นาที การช่วยเผาผลาญพลังงานขึ้นอยู่กับการออกกำลังกาย เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน กระโดดเชือก บอดี้เวท การเต้น การออกกำลังแบบ HIIT สามารถหาวิดีโอดูและทำตามได้จากยูทูปและเว็บไซต์ทั่วไป

เดินเร็ว กีฬาที่สบาย ๆ สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีน้ำหนักเยอะ เป็นการออกกำลังที่ไม่ค่อยทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ และช่วยสร้างกำลังใจสำหรับคนเพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกาย การเดินเร็วต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 420-480 กิโลแคลอรี่ วันไหนว่างหรือตื่นแต่เช้า อย่าลืมมาเดินเร็วรับลมกัน

ว่ายน้ำ อุปกรณ์พื้นฐานในการว่ายน้ำ ได้แก่ แว่นตา ชุด หมวกว่ายน้ำ การว่ายน้ำต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง ช่วยลดแคลอรี่ได้ถึง 250-750 กิโลแคลอรี่ ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ว่าย และท่าที่ว่ายด้วย การว่ายน้ำเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ผู้ที่มีปัญหาเรื่องข้อต่อต่าง ๆ

วิ่ง กีฬาที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย ขอแค่มีรองเท้าวิ่ง 1 คู่ แล้วก็ใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ ระบายเหงื่อได้ดี 1 ชุดก็สามารถออกวิ่งได้แล้ว และยังช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 600-750 กิโลแคลอรี่ กับการวิ่งต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง (ขึ้นกับระดับความเร็ว) แต่ก่อนเริ่มวิ่ง เราควรศึกษาการวิ่งที่ถูกวิธีเพื่อช่วยลดแรงกระแทก ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีการวิ่งแบบเล่นฟุตบอล ซึ่งสามารถช่วยเบิร์นไขมันได้อย่างมากเลยทีเดียว สำหรับผู้ชายที่ชอบติดตามเชียร์ฟุตบอลที่ ลิ้งดูบอล มักจะชอบเล่นกันเพื่่อความสนุก และในความสนุกก็มีผลพลอยได้คือสุขภาพแข็งแรงและลดปัญหาโรคอ้วนได้ด้วย

การเต้นแอโรบิก การเต้นแอโรบิก เราจะเห็นบ่อยครั้งที่สวนสาธารณะ หน้าห้างสรรพสินค้า จะมีการเต้นเป็นกลุ่ม หรือถ้าเราอยากเต้นคนเดียวที่บ้านก็สามารถเปิดวิดีโอเพื่อทำตามได้ การเต้นแอโรบิก นอกจากความสนุกแล้ว ยังช่วยเผาผลาญพลังงานถึง 450-600 กิโลแคลอรี่

ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ความเสี่ยงในการเกิดโรคก็จะน้อยลง สุขภาพดีขึ้น หุ่นดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงความสุขในชีวิต เพราะฉะนั้นเราควรเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ ด้วยการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดีตลอดไป

กีฬา 5 ชนิดที่ใช้เวลาน้อย